มติชน,
วันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2546 ปีที่ 26 ฉบับที่ 9318, หน้า 14
|
จาก DOHA สู่ CANCUN WTO จะไปทางไหน
โดย จักรกฤษณ์ ควรพจน์
การประชุมระดับรัฐมนตรีดับเบิลยูทีโอ (WTO) ครั้งที่ห้า ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วระหว่างวันที่ 10-14 กันยายน ที่เมืองแคนคูนประเทศเม็กซิโก อันเป็นการประชุมต่อเนื่องของรอบโดฮา (Doha Round) ซึ่งเริ่มเจรจากันมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2001 โดยมีกำหนดเจรจาให้เสร็จสิ้นลงภายใน 3 ปี
เท่าที่ผ่านมาการเจรจาในประเด็นต่างๆ มีความคืบหน้าน้อยมาก ประเทศสมาชิกได้แบ่งแยกเป็นกลุ่มเป็นก้อน ทั้งระหว่างประเทศที่พัฒนาแล้วด้วยกัน และระหว่างประเทศที่พัฒนาแล้วกับประเทศกำลังพัฒนา
แต่ละกลุ่มแต่ละประเทศต่างต่อรองเรียกร้องผลประโยชน์ซึ่งกันและกันอย่างไม่ลืมหูลืมตา จนมีผู้กล่าวว่า "ดับเบิลยูทีโอคือเวทีที่สะท้อนความเห็นแก่ตัวของมนุษยชาติที่ยิ่งใหญ่และชัดเจนแจ่มแจ้งที่สุด"
นับตั้งแต่ตั้งขึ้นในปี 1995 ดับเบิลยูทีโอได้เปลี่ยนแปลงกฎระเบียบเศรษฐกิจระหว่างประเทศอย่างมีนัยสำคัญ ในขณะที่แกตต์ (GATT) ข้อตกลงการค้าเดิมมีเป้าหมายเพียงให้มีการเจรจาเพื่อลดอุปสรรคการค้าผ่านแดน เช่น ลดพิกัดภาษีศุลกากรและโควตา แต่ดับเบิลยูทีโอมีขอบเขตการดำเนินการที่กว้างกว่ามาก ครอบคลุมทั้งอุปสรรคการค้าที่เป็นกฎระเบียบการค้าผ่านแดนและกฎระเบียบภายในประเทศ นับตั้งแต่เรื่องทรัพย์สินทางปัญญา การค้าบริการ การลงทุน การอุดหนุน ฯลฯ อีกทั้งยังมีกลไกระงับข้อพิพาทและมาตรการตอบโต้ทางการค้าที่ทรงประสิทธิ ภาพ
"การค้าเสรี" (Free trade) นั้นต่างจาก "การค้าที่เป็นธรรม" (Fair trade) ข้อเท็จจริงได้พิสูจน์แล้วว่า การค้าเสรีมิได้ให้ประโยชน์แก่ผู้ใดนอกจากบรรษัทข้ามชาติ แต่การค้าที่เป็นธรรมจะเป็นประโยชน์ต่อคนทุกคน
ที่ผ่านมาดับเบิลยูทีโอส่งเสริมการค้าเสรีมากกว่ามุ่งไปสู่การค้าที่เป็นธรรม
ประเทศกำลังพัฒนาถูกบีบให้เปิดตลาดสินค้าแก่บรรษัทข้ามชาติ ถูกจำกัดให้ผลิตสินค้าเพียงเท่าที่ตนมีศักยภาพ ซึ่งโดยส่วนใหญ่คือสินค้าที่ใช้แรงงานและสินค้าขั้นประถมที่มาจากทรัพยากรธรรมชาติ
ระบบการค้าของดับเบิลยูทีโอส่งผลกระทบอย่างมหาศาลต่อประเทศกำลังพัฒนา ทำให้เกิดการผูกขาดตลาด และทำให้ประเทศเหล่านั้นกลายเป็นแหล่งผลิตวัตถุดิบราคาถูกเพื่อป้อนอุตสาหกรรมของประเทศตะวันตก เปิดโอกาสให้ประเทศที่พัฒนาแล้วโยกย้ายอุตสาหกรรมที่ก่อปัญหามลภาวะมายังประเทศยากจน
ในการประชุมระดับรัฐมนตรีดับเบิลยูทีโอครั้งที่สี่ที่กรุงโดฮาเมื่อปี 2001 ประเทศกำลังพัฒนาได้เรียกร้องให้มีการปรับปรุงกฎระเบียบของดับเบิลยูทีโอหลายประการ รวมทั้งให้มีการปรับปรุงวิธีการเจรจาและความโปร่งใสขององค์กร แก้ไขกฎระเบียบที่ก่อผลกระทบต่อประเทศกำลังพัฒนา ไม่ว่าจะเป็นปัญหาสิทธิบัตรยา การคุ้มครองภูมิปัญญาท้องถิ่น การยกเลิกการอุดหนุนการส่งออก และการเปิดตลาดสินค้าเกษตร ฯลฯ
การเจรจารอบโดฮาถูกกำหนดหัวข้อเจรจา โดยมีเป้าหมายเพื่อทำให้การค้ามีความเป็นธรรมและเป็นประโยชน์ต่อประเทศสมาชิก ถึงแม้ไม่มีที่ใดในปฏิญญาโดฮากล่าวไว้อย่างชัดเจนเช่นนั้น
แต่ด้วยเนื้อหาสาระและหัวข้อการเจรจาที่ตอบสนองต่อผลประโยชน์ของประเทศกำลังพัฒนา การเจรจารอบนี้จึงถูกเรียกว่า "รอบแห่งการพัฒนา"
ดับเบิลยูทีโอกำลังมุ่งไปในทางใด? อาจกล่าวได้ว่าดับเบิลยูทีโอกำลังมุ่งหน้าไปในทิศทางต่อไปนี้
(1) สร้างมาตรฐานเชิงเดี่ยว (Standards harmonisation) ดับเบิลยูทีโอกำลังพัฒนาไปเป็นองค์กรนิติบัญญัติด้านการค้าของโลก ที่มีการสร้างมาตรฐานการค้าร่วมเพื่อเป็นกรอบสำหรับกฎระเบียบภายในของประเทศต่างๆ
เนื่องจากประเทศกำลังพัฒนาส่วนใหญ่มักจะปราศจากมาตรฐานหรือมีมาตรฐานต่ำ ประ เทศเหล่านั้นจึงมีพันธกรณีที่ต้องยกระดับปรับปรุงกฎระเบียบของตนให้เท่าเทียมกับประเทศที่พัฒนาแล้ว ทำให้ประเทศกำลังพัฒนาไม่อาจอาศัยความได้เปรียบเชิงเปรียบเทียบในด้านแรงงานและความมั่นคงของทรัพยากรได้อีกต่อไป
ในทางตรงกันข้าม มาตรฐานการค้าของดับเบิลยูทีโอกลับเป็นประโยชน์ต่อผู้ผลิตในประเทศอุตสาหกรรม ในการปกป้องผู้ผลิตเหล่านั้นให้ปลอดจากการแข่งขันของสินค้าราคาถูกที่มาจากประเทศกำลังพัฒนา
(2) เป็นองค์กรระงับข้อพิพาท ดับเบิลยูทีโอได้กลายเป็นองค์กรระงับข้อพิพาทที่มีการฟ้องร้องคดีระหว่างประเทศต่างๆ อย่างมาก มาย จนกลายเป็นว่านโยบายของประเทศต่างๆ ได้ถูกกำหนดโดยผ่านคำวินิจฉัยของคณะกรรมการชี้ขาดข้อพิพาท มากกว่าโดยการเจรจาของประเทศสมาชิก
(3) เป็นองค์กรที่เต็มไปด้วยคำมั่นแต่ขาดการปฏิบัติ จนมีผู้กล่าวว่าดับเบิลยูทีโอได้กลายเป็นองค์กรที่ไร้น้ำยาเช่นเดียวกับยูเอ็นไปแล้ว และโดยความชักช้างุ่มง่ามของการเจรจาที่ต้องผ่านระบบความเห็นชอบที่เป็นเอกฉันท์ (Consensus)
ประเทศที่ต้องการเร่งเปิดเสรีทางการค้า ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกาหรือสหภาพยุโรป จึงได้เปลี่ยนยุทธศาสตร์การเปิดตลาด จากการเจรจาในกรอบพหุภาคีของดับเบิลยูทีโอมาเป็นการเปิดตลาดการค้าในเวทีภูมิภาคและกรอบทวิภาคีแทน
ซึ่งในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ได้มีการทำข้อตกลงเขตการค้าเสรีเป็นจำนวนมาก
การละทิ้งการเจรจาแบบพหุภาคี มาสู่แนว ทางภูมิภาคนิยมและทวิภาคี จะมีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศอย่างมาก กฎเกณฑ์และนโยบายการค้าระ หว่างประเทศจะถูกใช้อย่างเลือกปฏิบัติและเกิดการกีดกันทางการค้า โดยเฉพาะต่อสินค้าของประเทศที่มาจากนอกกลุ่ม
ดับเบิลยูทีโอจะกลายเป็นองค์กรไร้น้ำยาและไร้ความหมาย ประเทศที่พัฒนาแล้วจะเข้ามาผูกขาดครอบงำการค้าในระดับภูมิภาค ส่วนประเทศกำลังพัฒนาโดยเฉพาะประเทศด้อยพัฒนา จะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบและถูกทอดทิ้งจากเวทีการค้าระหว่างประเทศในที่สุด
หากการพัฒนาที่ยั่งยืนจะเป็นจริง ระบบการค้าที่ขาดความเป็นธรรมต้องได้รับการปรับปรุง ประเทศที่พัฒนาแล้วที่มีประชา กรจำนวนหนึ่งในห้าของประชากรโลก ไม่ควรมีโอกาสที่จะได้ส่วนแบ่งบริโภคทรัพยากรเป็นสัดส่วนถึงสี่ในห้าของทรัพยากรที่มีในโลกดังเช่นที่เป็นอยู่ บรรษัทข้ามชาติและผู้ส่งออกสินค้าของประเทศกำลังพัฒนาควรมีโอกาสเข้าถึงตลาดต่างประเทศอย่างเท่าเทียมกัน
ภายใต้โครงสร้างที่ขาดความสมดุลเช่นนี้ แม้ดับเบิลยูทีโอจะมีบทบาทสำคัญต่อการสร้างการแข่งขันเสรีขึ้น แต่ก็มิได้หมายความว่าดับเบิลยูทีโอจะนำพาประเทศสมาชิกโดยเฉพาะประเทศกำลังพัฒนาไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน
ขณะนี้ดับเบิลยูทีโอกำลังเผชิญวิกฤตศรัทธาอย่างหนัก และหากไม่สามารถปรับปรุงกฎเกณฑ์ต่างๆ ให้มีความเป็นธรรมมากขึ้นได้ ดับเบิลยูทีโอก็จะเป็นดังเช่นองค์การระหว่างประเทศอื่น ที่มีอยู่เพียงเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับประเทศที่พัฒนาแล้วและบรรษัทข้ามชาติในการหาประโยชน์จากประเทศยากจน
|