| พ.ศ. | 2544, 2545, 2546, 2547 |
ผุดเมืองใหม่ปี 47 "ทักษิณ" ยันใช้งบ ไม่ถึงแสนล้านบาท "ทักษิณ" คาดลงมือตอกเสาเข็มเมืองใหม่ ในปี 47 โดยจะเร่งออก ก.ม.รองรับ ยันใช้งบไม่ถึง 1 แสนล้านบาท โดยจะให้เอกชนเข้าร่วม หวังลดความแออัดของ กทม. ซึ่งจะดำเนินการควบคู่ไปกับยุทธศาสตร์พัฒนากลุ่มจังหวัดของผู้ว่าฯ ซีอีโอ เผยยังไม่สรุปว่าจะใช้พื้นที่อำเภอใด แต่พื้นที่นั้นต้องมีจุดเด่น คือเชื่อมต่อด้วยรถไฟฟ้าได้ เพื่อให้เดินทางไม่เกิน 1 ชม. รวมทั้งจะทำถนนไฮเวย์ไปลงทางด่วนรามอินทรา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้ความเห็นถึง โครงการก่อสร้างเมืองใหม่ ที่จังหวัดนครนายก ที่มีการระบุว่า จะใช้วิธีระดมทุนด้วยการออกพันธบัตร (บอนด์) ว่า เพิ่งสั่งการให้ไปเตรียมการในหลายๆ ด้าน ยังไม่ต้องการพูดอะไรที่เร็วเกินไป แต่คาดว่าจะสามารถลงมือก่อสร้างโครงการได้ ตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นไป และรัฐบาลจะรีบออกกฎหมายมารองรับให้ทัน ภายในการประชุมสภาฯ ครั้งหน้า "งบประมาณคาดว่าจะใช้ไม่ถึง 100,000 ล้านบาท เพราะรัฐบาลจะเปิดให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมและจะมีการตั้งบรรษัทมาบริหาร รูปแบบคล้ายๆ กับที่มีการดำเนินการในญี่ปุ่น เน้นเป็นเมืองสะอาด มีระบบโครงสร้างที่ดี น่าอยู่ รักษาสิ่งแวดล้อม และทันสมัย ถ้าจะมีอุตสาหกรรม ต้องเป็นอุตสาหกรรมสะอาด จะมีส่วนราชการบางส่วนไปอยู่ด้วย แต่ไม่มาก มีสถานศึกษา โรงพยาบาล และโรงแรมชั้นหนึ่ง เพื่อให้บริการ เป็นการช่วยลดความแออัดของกรุงเทพฯ" นายกรัฐมนตรี กล่าว ส่วนเมืองใหม่จะครอบคลุมอำเภอใดในจังหวัดนครนายก นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กำลังมีการสำรวจอีกครั้งหนึ่ง และกำลังมีการพิจารณาว่า จะมีการคาบเกี่ยวกับพื้นที่อื่นอีกหรือไม่ ระหว่างพื้นที่จังหวัดนครนายก และสระบุรี ทั้งนี้ เมืองใหม่จะเป็นเมืองให้บริการมากกว่าอุตสาหกรรม และเป็นโครงการนำร่อง หากทำแล้วสามารถแบ่งเบาภาระกรุงเทพฯ โดยหยุดการไหลเข้าของคนได้ ก็จะทำควบคู่ไปกับยุทธศาสตร์การพัฒนากลุ่มจังหวัด ทั้ง 19 กลุ่ม ของผู้ว่าฯ ซีอีโอ ต่อข้อถามว่า พื้นที่ดำเนินโครงการจะต้องมีจุดเด่นอย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะดูความสมบูรณ์ของน้ำ และไม่อยู่ไกลกรุงเทพฯ สามารถเชื่อมระยะทางได้ด้วยรถไฟฟ้า ที่ใช้เวลาเดินทางถึงกรุงเทพฯ ไม่ถึง 1 ชั่วโมง และสามารถทำถนนไฮเวย์ เชื่อมไปลงทางด่วนรามอินทราได้ [Top]
| |
นายกฯ ยันปี 47 สร้างเมืองใหม่ หลังจากที่มี ความเคลื่อนไหวหลายรัฐบาล ในเรื่องการสร้าง เมืองบริวารกรุงเทพมหานคร และในที่สุดก็มีความเป็นไปได้ ที่จะมีการก่อสร้างเมืองใหม่ เพื่อลดความแออัด ของกรุงเทพมหานคร พร้อมกับเป็นศูนย์กลางธุรกิจ โดยล่าสุดนายกรัฐมนตรี ได้ออกมายืนยันว่า จะก่อสร้างเมืองใหม่ที่ จ.นครนายก ในปีหน้า โดยมีการเชื่อมต่อการคมนาคมระหว่าง กทม. กับเมืองใหม่ด้วย เมื่อวันที่ 20 พ.ย. เวลา 10.30 น. ที่สนามเสือป่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการออกพันธบัตรไปเวนคืนที่ดินในที่จะก่อสร้างเมืองใหม่ที่ อ.บ้านนา จ.นครนายก และพื้นที่รอบๆ ว่า ขอเวลาอีกระยะ ยังไม่อยากพูดอะไรเร็วไป ตอนนี้ได้สั่งการให้ไปเตรียมการหลายๆ ด้าน คิดว่าคงจะเป็นรูปเป็นร่างได้ ในไม่ช้าสิ้นสุดสมัยประชุมสภาสมัยหน้า ก็น่ามีกฎหมายรองรับทั้งหมด และการลงมือก่อสร้างจะทยอยทำตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป จะใช้พื้นที่ 1.5 แสนไร่ โดยการบริหารแผนใหม่ เมื่อจบโครงการแล้วใช้เงินไม่มาก จะได้ทั้งเมืองไม่ถึงแสนล้านบาท และจะเปิดให้ภาคเอกชนร่วมก่อสร้างสิ่งต่างๆ ด้วย แนวทางที่ทำมีความชัดเจน โดยมีบรรษัทขึ้นมาบริหารเป็นรูปแบบคล้ายๆ กับที่ทำในประเทศญี่ปุ่น ต้องเป็นเมืองสะอาด มีระบบโครงสร้างพื้นฐานที่ดี น่าอยู่ ถ้ามีอุตสาหกรรมก็ต้องเป็นอุตสาหกรรมสะอาด และเป็นเมืองที่มีที่อยู่อาศัย มีความเขียว รักษาสิ่งแวดล้อม มีเรื่องสุขภาพ และมีความเป็นเมืองทันสมัย การลงทุนจะใช้ไม่มาก เป็นลักษณะมีบรรษัทขึ้นมา เพื่อเข้าไปบริหารจัดการ และสามารถออกเป็นพันธบัตรได้ ผู้สื่อข่าวถามว่า จะต้องคัดเลือกคนที่จะเข้าไปอยู่อย่างไร พ.ต.ท.ทักษิณตอบว่า จะมีส่วนราชการบางส่วนและมีสถานการศึกษา โรงพยาบาล โรงแรมชั้นหนึ่ง เพื่อจะให้บริการ อาจจะเป็นเมืองที่สะอาดเป็นพิเศษเพื่อลดความแออัดของ กทม. เรื่องพื้นที่ที่จะใช้สร้างนั้นกำลังให้สำรวจอีกรอบ ซึ่งอยู่แถบๆ จ.นครนายก และกำลังดูระหว่างพื้นที่ จ.นครนายก กับ จ.สระบุรี ด้วย ส่วน จ.ปราจีนฯกับสระแก้วมันไกลออกไปไม่เหมาะ แต่ถ้าตรงนี้พัฒนาตรงนั้นการพัฒนาก็ไปถึงเอง เพราะ จ.นครนายกมีความสมบูรณ์ของน้ำ และไม่ไกลจาก กทม. สามารถเชื่อมด้วยรถไฟฟ้าเข้า กทม. ได้ไม่ถึงชั่วโมง และสามารถทำถนนไฮเวย์เชื่อมกันได้ เช่น ทางด่วน ที่ไปลงถนนรามอินทราสามารถลากไปเชื่อมต่อจุดนั้นได้ เมื่อถามว่าเมืองนั้นจะมีผลผลิตอะไรหรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณตอบว่า เมืองนี้จะเน้นธุรกิจบริการมากกว่าอุตสาหกรรม โครงการนี้เป็นโครงการนำร่อง ถ้าตรงนั้นก้าวหน้า ก็สามารถหยุดการไหลเข้าของคนมาที่ กทม. และคน กทม. บางส่วนที่มีภูมิลำเนาอยู่ต่างจังหวัดอาจไปสร้างธุรกิจอะไรอยู่ในต่างจังหวัด จะทำให้ กทม. ไม่แน่นเกินไป เมื่อเวลา 13.20 น. ที่กระทรวงมหาดไทย นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา รมว.มหาดไทย กล่าวว่า ขณะนี้คณะกรรมการที่ประกอบด้วยกระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ไปศึกษาดูพื้นที่ที่จะสร้างเมืองตัวอย่างแล้ว และทราบว่าได้กำหนดพื้นที่ไว้คร่าวๆแล้ว พื้นที่ที่กำหนดต้องมีการเวนคืนที่ดิน และมีการซื้อที่ การดำเนินการนั้น รัฐบาลจะไปรวบรวมที่เพื่อจัดผังเมืองให้ดีและมีการพัฒนาที่ดิน หลังจากนั้นรัฐบาลจะเอาเงินจากการพัฒนาที่ดินเพื่อนำมาปรับปรุงสาธารณูปโภค เพราะฉะนั้นไม่ต้องใช้งบประมาณของแผ่นดิน แต่การพัฒนาที่ดินเพื่อขายให้ประชาชนที่ไปอยู่ รมว.มหาดไทยกล่าวต่อว่า ทั้งนี้ การสร้างเมืองใหม่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน เพราะที่ดินของประชาชนที่เข้าไปซื้อก็ซื้อในราคาปัจจุบัน และคนที่จะเข้าไปอยู่ก็ไม่บังคับ แต่เมื่อมีการประกาศตามกฎหมายก็จะต้องมีการเวนคืน แต่เวนคืนจะไม่จ่ายตามราคาประเมิน แต่จ่ายตามราคาเป็นจริง ผู้สื่อข่าวถามว่า จะให้กรมโยธาธิการและผังเมือง กรมที่ดินมาช่วยดูในเรื่องใดบ้าง นายวันมูหะมัดนอร์ตอบว่า กรมโยธาธิการและผังเมืองดูในเรื่องผังเมือง และกรมที่ดินดูเรื่องของการประเมินราคาที่ดิน และจะดูว่าตรงไหนเป็นพื้นที่สาธารณะ ตรงไหนเป็นพื้นที่ของเอกชน คิดว่าเมื่อพัฒนาที่เสร็จแล้วน่าจะมีกำไร ซึ่งมีประเทศตัวอย่างหลายประเทศที่ทำแบบนี้ เช่น ที่ประเทศมาเลเซีย [Top]
|